Home > ข่าวสาร > บทความและจดหมายข่าว > วัคซีนกับความมั่นคงของชาติ
👁️ เข้าชม 0
เพื่อสุขภาพของคนไทย
ประเทศไทยใช้วัคซีนเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมป้องกันโรค โดยกระทรวงสาธารณสุขริเริ่มการขยายงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคขึ้นในปี พ.ศ. 2520 เริ่มต้นด้วยวัคซีน 4 ชนิด ได้แก่ วัคซีนป้องกันโรควัณโรค (BCG), วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ( DTP), วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ (OPV) และ วัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก (T) จนถึงปัจจุบันมีวัคซีนพื้นฐานให้บริการรวม 8 ชนิด ป้องกัน 10 โรค ทั้งนี้วัคซีนส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศเป็นมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท/ปี
ปัญหาดังกล่าวเป็นความเสี่ยงที่ต้องตระหนักและตื่นตัวในการพัฒนาและผลิตวัคซีนใช้เองภายในประเทศ เพื่อให้ประเทศเกิดความมั่นคงและพึงตนเองได้ จึงจำเป็นต้องยกร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีน โดยรัฐบาสส่งเสริมสนับสนุนให้มีการวิจัยพัฒนา การผลิต และการกระจายวัคซีนที่มีคุณภาพ และมีปริมาณเพียงพอสำหรับการใช้วัคซีนเพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ประชาชน โดยมีสถาบันวัคซีนแห่งชาติเป็นหน่วยงานกลางบูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนงานด้านวัคซีนของประเทศให้สัมฤทธิ์ผล
ปัจจุบันร่างกฎหมายดังกล่าว ได้ผ่านความเห็นชอบในขั้นหลักการจากคณะรัฐมนตรีแล้ว เตรียมนำเสนอไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. พิจารณาให้ความเห็นชอบออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไป หากประเทศไทย สามารถผลิตวัคซีนได้เอง นอกจากจะลดการสูญเสีญเงินตราออกนอกประเทศเป็นจำนวนมากในแต่ละปีแล้ว ยังเป็นการลงทุนเพื่อสร้างศักยภาพและความมั่นคงของประเทศในระยะยาว และทำให้ประเทศมีโอกาสส่งออกวัคซีน นำรายได้เข้าประเทศอีกด้วย
เครดิตภาพ : sogoodweb