เอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย ร่วมหารือแนวทางการสร้างความร่วมมือด้านวัคซีน

Home   >   ข่าวสาร   >   บทความและจดหมายข่าว   >   เอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย ร่วมหารือแนวทางการสร้างความร่วมมือด้านวัคซีน

👁️ เข้าชม 0

📌เอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย ร่วมหารือแนวทางการสร้างความร่วมมือด้านวัคซีน
.
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2563 ที่สถาบันวัคซีนแห่งชาติ นายอันดรีย์ เบชตา (Mr.Andrii Beshta) เอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทยและผู้ติดตาม ร่วมหารือถึงแนวทางการสร้างความร่วมมือด้านวัคซีน กับ นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ
.
โดยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 (COVID-19) ทั้งในประเทศยูเครน และประเทศไทย อีกทั้งได้นำเสนอข้อมูลด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีนของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งนพ.นคร ได้นำเสนอความก้าวหน้าการวิจัยพัฒนาวัคซีนต้นแบบของประเทศไทย ที่ขณะนี้ส่วนใหญ่อยู่ในการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยในสัตว์ทดลอง และบางส่วนกำลังจะเข้าสู่การทดสอบในมนุษย์ โดยคาดว่าจะสามารถผลักดันวัคซีนต้นแบบเพื่อเข้าสู่การทดสอบในมนุษย์ได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2564
.
นพ.นคร กล่าวว่า ในส่วนของการเข้าถึงวัคซีนของคนไทย ประเทศไทยได้วางแนวทางการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนไทย 3 แนวทาง คือ 1) การวิจัยพัฒนาวัคซีนต้นแบบในประเทศ 2) การพัฒนาวัคซีนผ่านความร่วมมือและรับถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศที่มีศักยภาพ และ 3) การจัดหาวัคซีนโดยการจองซื้อล่วงหน้าผ่านความร่วมมือขององค์กรระดับโลกหรือทวิภาคีต่าง ๆ ซึ่งทั้ง 3 แนวทางมีความก้าวหน้าตามลำดับ และได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากภาครัฐ ทั้งในเชิงนโยบาย และด้านงบประมาณเพื่อการบริหารจัดการวัคซีนให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนไทย
.
ด้านนายอันดรีย์ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านศักยภาพของประเทศยูเครน ซึ่งได้มีการสร้างความร่วมมือกับองค์กรทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างศักยภาพด้านการพัฒนาและผลิตวัคซีน
.
นายอันดรีย์ กล่าวว่า ยูเครนได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 (COVID-19) และมีศักยภาพในด้านการผลิตวัคซีน และพร้อมหารือกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เกี่ยวกับแนวทางการสร้างความร่วมมือ โดยอาจมีการหารือถึงความชัดเจนในเชิงเทคนิคเพิ่มเติม เพื่อการสร้างความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมต่อไป
.
นายอันดรีย์ ได้กล่าวขอบคุณและแสดงความยินดีที่ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในด้านการวิจัยพัฒนาวัคซีนต้นแบบของประเทศ และมุ่งหวังว่าในอนาคตอันใกล้ทั้ง 2 ประเทศจะมีการสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาวัคซีนร่วมกันต่อไป

สรุปโดย: กลุ่มงานเครือข่ายและวิเทศสัมพันธ์
สำนักพัฒนาศักยภาพด้านวัคซีนของประเทศ
8 ตุลาคม พ.ศ. 2563