13 ตุลาคม 2020

สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เผย“ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง การจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID – 19)) ในกรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือเหตุจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๓” มีผลใช้บังคับ 14 ตุลาคม นี้

📌สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เผย“ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง การจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID – 19)) ในกรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือเหตุจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๓” มีผลใช้บังคับ 14 ตุลาคม นี้

วัตถุประสงค์

ประกาศฉบับนี้เป็นการดำเนินการ เพื่อให้การจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับใช้ในการป้องกันการระบาดของโรคในประเทศให้มีความรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ และให้ประชาชนในประเทศไทยมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไปพร้อมๆ กับประเทศที่มีศักยภาพในการผลิตวัคซีน

การดำเนินงานที่ผ่านมา

กระทรวงสาธารณสุขได้ยื่นหนังสือ แสดงเจตนารมณ์ในการเข้าร่วม COVAX facility และได้มอบหมายให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติร่วมกับกรมควบคุมโรค กองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อและบริหารจัดการวัคซีนในประเทศ เร่งประสานความร่วมมือ เพื่อให้ประเทศสามารถเข้าถึงวัคซีน COVID-19 ได้ใกล้เคียงกับประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ สถาบันได้มีการเจรจาความร่วมมือแบบทวิภาคีกับผู้ผลิตวัคซีนที่กำลังทดสอบวัคซีนในคนระยะที่ 3 ทั้งในเอเชียและยุโรป โดยยังคงอยู่ภายใต้เงื่อนไขในลักษณะเดียวกันกับ COVAX facility

สาระสำคัญ

ประกาศฉบับนี้มีสาระสำคัญอยู่ด้วยกันหลายประเด็น คือ
1. ให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติดำเนินการจัดทำบันทึกความตกลงและร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนทั้งในและต่างประเทศทีมีศักยภาพในการวิจัย การพัฒนา การผลิตวัคซีน เพี่อดำเนินการให้มีการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ล่วงหน้า
2. การทำความตกลงและร่วมมือดังกล่าว หากจะมีข้อผูกพันทางงบประมาณในลักษณะการจัดหาวัคซีนโดยการจองล่วงหน้า ซึ่งมีโอกาสที่จะได้รับวัคซีนหรือไม่ได้รับวัคซีนดังกล่าว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการวิจัยพัฒนาหรือเหตุอื่น ๆ ให้สถาบันฯ เสนอ คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
3. ให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติประสานกับสำนักงบประมาณหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณ
4. ให้กรมควบคุมโรคดำเนินการจัดซื้อและบริหารจัดการวัคซีน สำหรับรองรับสถานการณ์การระบาดของโรค ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยให้กระจายวัคซีนให้ตรงกลุ่มเป้าหมายและติดตามอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีน

หลังใช้บังคับ

“จะทำให้การบูรณาการงานด้านวัคซีนของประเทศ มีประสิทธิภาพ และมีความมั่นคงด้านวัคซีน รองรับกับสถานการณ์การระบาดของโรคได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประเทศได้”

อ่านประกาศฉบับเต็มคลิก…http://www.ratchakitcha.soc.go.th/…/2563/E/239/T_0017.PDF

เรียบเรียงโดย: NVI Public Affairs Team
วันที่: 13/10/63