สังเกตตัวเองอย่างไร เมื่อสงสัยไข้เลือดออก

🦟 สังเกตตัวเองอย่างไร ? เมื่อมี “ไข้เลือดออก”

ไข้เลือดออก (Dengue fever) มักเริ่มต้นด้วยอาการคล้ายไข้หวัด แต่มีลักษณะเฉพาะบางอย่างที่ควรเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในช่วงระบาด
.
🩺 หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ !
.
👉 อาการระยะเริ่มต้น (1–3 วันแรก) 🔍
🤒 ไข้สูงเฉียบพลัน โดยไม่มีอาการไอหรือมีน้ำมูก
😖 ปวดศีรษะอย่างรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณหลังตา
💪 ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อ
🤢 เบื่ออาหาร คลื่นไส้ หรืออาเจียน
🥵 หน้าแดง ตาแดง ผิวหนังแดงแบบจุด ๆ (Flush)
.
👉 อาการเตือนภาวะแทรกซ้อนรุนแรง (ระยะไข้ลด 3–7 วัน) ⚠️
😱 ช่วงนี้ไข้จะลดลง แต่อาจเกิด “ภาวะช็อก” หรือ “หลอดเลือดรั่ว” ได้ จึงต้องสังเกตใกล้ชิด
😰 อ่อนเพลียมาก หิวน้ำตลอดเวลา หรือไม่ปัสสาวะนานหลายชั่วโมง
😣 ปวดท้องมาก กดเจ็บ หรือคลำเจอก้อน
🤢 อาเจียนต่อเนื่อง หรือมีเลือดปน
🩸 เลือดออกผิดปกติ เช่น เลือดกำเดา เหงือก หรือจุดเลือดออกใต้ผิวหนัง
🫀 มือเท้าเย็น ปลายมือซีด ชีพจรเบาเร็ว ความดันต่ำ
.
📌 คำแนะนำเพิ่มเติม
👉 ไข้เลือดออกมักไม่แสดงอาการตั้งแต่แรกทันที อาการจะชัดในช่วง 3–7 วันหลังยุงกัด
👉 ห้ามกินยาแอสไพริน หรือยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs (เช่น ibuprofen) เพราะเพิ่มความเสี่ยงเลือดออก
👉 หากสงสัย ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและตรวจเลือด
.
👉 การป้องกันที่ดีที่สุดคือ ป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกยุงกัด กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และอาจพิจารณาฉีดวัคซีนไข้เลือดออกเป็นมาตรการเสริมในการป้องกันการป่วยรุนแรงได้ ✨
หากต้องการรับทราบข้อมุลของวัคซีนเพิ่มเติม สามารถรับชมได้ที่
https://www.youtube.com/watch?v=64WsA9-q3zA
.
📌ติดตามข้อมูลความรู้ด้านวัคซีนได้ที่
💙Facebook page สถาบันวัคซีนแห่งชาติ
.
#สถาบันวัคซีนแห่งชาติ #วัคซีน #วัคซีนไข้เลือดออก