ทำไมหมอมักถามว่าเคยเป็น “อีสุกอีใส” ก่อนฉีดวัคซีนงูสวัด?

📌 ทำไมต้องถามว่าเคยเป็น “อีสุกอีใส” ก่อนฉีดวัคซีนงูสวัด?
หลายคนสงสัยว่าไปฉีดวัคซีนงูสวัด ทำไมหมอมักถามว่า “เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อนไหม” มาดูคำตอบกันค่ะ

✅ 1. โรคทั้งสองเกิดจากไวรัสตัวเดียวกัน
อีสุกอีใส (Chickenpox) และงูสวัด (Herpes Zoster/ Shingles) เกิดจาก ไวรัสชนิดเดียวกัน คือ Varicella-Zoster Virus (VZV)

✅ 2. ไวรัสซ่อนอยู่ในร่างกายหลังหายจากอีสุกอีใส
เมื่อหายจากอีสุกอีใสแล้ว เชื้อจะ ไม่หายไปไหน แต่จะแอบซ่อนอยู่ในปมประสาท เมื่อร่างกายของเราอ่อนแอและภูมิคุ้มกันลดลง

✅ 3. งูสวัด = ไวรัสตื่นตัวอีกครั้ง
เมื่ออายุมากขึ้น หรือร่างกายมีภูมิคุ้มกันลดลง ไวรัสอาจ “ตื่นขึ้น” และก่อโรคงูสวัด ทำให้เกิด ผื่นแสบร้อนตามแนวเส้นประสาท

✅ 4. ทำไมต้องถามว่าเคยเป็น อีสุกอีใส หรือไม่?
งูสวัดจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อเคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน เพราะนั่นแปลว่ามีเชื้อไวรัสแฝงอยู่ในร่างกาย

✅ 5. คนที่ไม่เคยเป็นอีสุกอีใสก็แทบไม่มีโอกาสเป็นงูสวัด
ถ้าไม่เคยติดเชื้ออีสุกอีใส ก็ไม่มีไวรัสแฝงในตัว จึงแทบไม่มีโอกาสเป็นงูสวัด (แต่ยังอาจติดอีสุกอีใสแบบไม่รู้ตัว) จึงแนะนำให้คนที่อายุน้อยกว่า 50 ปี ที่ไม่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อนฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใสเพื่อป้องกันโรค ส่วนคนที่อายุ 50 ปี ขึ้นไป ให้ฉีดวัคซีนงูสวัดได้เลย ซึ่งจะป้องกันอีสุกอีใสได้ด้วย

✅ 6. วัคซีนงูสวัดมีกี่แบบ
• วัคซีนมี 2 ชนิด
1. ชนิดทำจากโปรตีนของไวรัส ต้องฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 2-6 เดือน เพราะมีประสิทธิภาพสูง อยู่ยาวนาน จึงแนะนำเป็นวัคซีนตัวแรก
2. ชนิดเชื้อมีชีวิต ฉีดครั้งเดียว ประสิทธิภาพจำกัดและอยู่เพียงระยะสั้น ไม่สามารถฉีดในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการป้องกันมากที่สุด ปัจจุบันจึงไม่ค่อยแนะนำ


✅ 7. วัคซีนงูสวัดเหมาะกับใครบ้าง
• โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะเคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อนหรือไม่ก็ตาม
• หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป

✅ 8. วัคซีนช่วยลดทั้งโอกาสและความรุนแรงของโรค
วัคซีนงูสวัดช่วยป้องกันการเกิดโรค และแม้จะเกิดโรคก็ทำให้อาการเบาลงและลดภาวะแทรกซ้อน

📌 ติดตามข้อมูลความรู้ด้านวัคซีนได้ที่
💙 Facebook page สถาบันวัคซีนแห่งชาติ

#สถาบันวัคซีนแห่งชาติ #วัคซีนงูสวัด #อีสุกอีใส #งูสวัด