😰 6 ความเชื่อเกี่ยวกับ ‘วัคซีนงูสวัด’ 💉 ที่คนมัก ”เข้าใจผิด”

💉 วัคซีนงูสวัดเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยลดความเสี่ยงงูสวัดได้ แต่หลายคนยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับวัคซีนนี้ ลองมาเช็กกันว่า คุณเชื่อแบบนี้หรือเปล่า?

❌ ความเข้าใจผิดที่ 1: “ฉีดวัคซีนงูสวัดแล้ว จะไม่เป็นงูสวัดเลยตลอดชีวิต”
✅ ข้อเท็จจริง: วัคซีนชนิดที่ทำจากโปรตีนของไวรัส ลดความเสี่ยงการเกิดโรคได้มากกว่า 90% แต่ไม่ใช่การป้องกัน 100% ผู้ที่ฉีดแล้วอาจยังเป็นงูสวัดได้ แต่โอกาสน้อยกว่า และหากเป็นอาการจะเบาลงมาก

❌ ความเข้าใจผิดที่ 2: “วัคซีนงูสวัดเหมือนกับวัคซีนอีสุกอีใส”
✅ ข้อเท็จจริง: วัคซีนทั้งสองชนิดมีความแตกต่างกัน วัคซีนอีสุกอีใส (Varicella vaccine) ป้องกันการติดเชื้อครั้งแรก แต่วัคซีนงูสวัดออกแบบมาเพื่อ ป้องกันการกลับมากำเริบของเชื้อ กลายเป็นงูสวัด

❌ ความเข้าใจผิดที่ 3: “เคยเป็นงูสวัดแล้ว ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน”
✅ ข้อเท็จจริง: แม้เคยเป็นงูสวัดแล้วก็ยังมีโอกาส เป็นซ้ำได้ และไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นบริเวณไหนของร่างกาย วัคซีนช่วยลดโอกาสเกิดซ้ำ และลดความเสี่ยงภาวะปวดปลายประสาท (PHN)

❌ ความเข้าใจผิดที่ 4: “คนที่แข็งแรงดี ไม่จำเป็นต้องฉีด”
✅ ข้อเท็จจริง: แม้สุขภาพดี ความเสี่ยงงูสวัดก็เพิ่มขึ้นตามอายุ แนะนำให้ฉีด ทุกคนอายุ ≥ 50 ปี ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีโรคประจำตัว

❌ ความเข้าใจผิดที่ 5: “วัคซีนงูสวัดต้องฉีดทุกปี”
✅ ข้อเท็จจริง: การฉีดวัคซีนงูสวัดครบ สามารถป้องกันโรคได้มากกว่า 10 ปี ไม่แนะนำว่าต้องฉีดซ้ำ

❌ ความเข้าใจผิดที่ 6: “วัคซีนมีผลข้างเคียงเยอะ น่ากลัว”
✅ ข้อเท็จจริง: วัคซีนมีผลข้างเคียงส่วนใหญ่ ไม่รุนแรง เช่น ปวดแขน บวมเล็กน้อย ไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ซึ่งหายเองใน 2–3 วัน

📣 สรุป: หากคุณหรือคนในครอบครัวอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีโรคเรื้อรัง → อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวัคซีนงูสวัด

📌 ติดตามข้อมูลความรู้ด้านวัคซีนได้ที่
💙 Facebook page สถาบันวัคซีนแห่งชาติ

#สถาบันวัคซีนแห่งชาติ #วัคซีนงูสวัด #งูสวัด