รู้หรือไม่ ? ไม่ถูกกัดก็เสี่ยงพิษสุนัขบ้าได้

โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่มีอัตราการเสียชีวิตใกล้ 100% หากแสดงอาการ และมักรู้กันดีว่าเกิดจากการ “ถูกสุนัขกัด” แต่ในความเป็นจริง ยังมี ช่องทางการติดเชื้ออื่นที่แม้จะพบได้น้อยมาก แต่สามารถเกิดขึ้นได้จริง ดังตัวอย่างต่อไปนี้:
.
1. น้ำลายสัตว์ติดเชื้อสัมผัสบาดแผลหรือเยื่อเมือก
เชื้อไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ผ่านทาง เยื่อบุตา ปาก จมูก หรือ แผลสด โดยไม่จำเป็นต้องถูกกัดโดยตรง
✅ ตัวอย่างจริง: ปี 2013 ที่ประเทศจีน มีผู้เสียชีวิตจากพิษสุนัขบ้าหลัง ใช้ปากดูดแผลของลูกที่ถูกสุนัขกัด ทำให้น้ำลายที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าสู่ปากของผู้ป่วย
.
2. การสูดหายใจรับเชื้อในรูปละออง
แม้พบได้ยากมาก แต่ก็มีรายงานว่าเชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายทางเดินหายใจ ในกรณีที่อยู่ในพื้นที่อากาศปนเปื้อนสูง
✅ ตัวอย่าง: ปี 1950s มีผู้ป่วยในรัฐเท็กซัส (สหรัฐฯ) คาดว่าได้รับเชื้อจากการเข้าไปในถ้ำที่มีค้างคาวจำนวนมาก
.
3. การปลูกถ่ายอวัยวะหรือเนื้อเยื่อจากผู้บริจาคที่ติดเชื้อ
มีรายงานผู้ป่วยหลายรายทั่วโลกที่ติดเชื้อจากการได้รับ ไต ตับ หรือกระจกตา จากผู้บริจาคที่ภายหลังพบว่าเป็นโรค
✅ ตัวอย่าง: ปี 2004 ในสหรัฐฯ ผู้ป่วย 4 รายเสียชีวิตหลังปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้บริจาครายเดียวกันที่ติดเชื้อโดยไม่ทราบมาก่อน
4. การบริโภคเนื้อสัตว์ดิบหรือนมจากสัตว์ติดเชื้อ
แม้จะพบได้น้อยมาก แต่ การบริโภคเนื้อหรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ติดเชื้อโดยไม่ปรุงสุก อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
✅ ตัวอย่าง: ปี 2015 ที่ฟิลิปปินส์ มีประชาชน 13 คนต้องรับวัคซีนด่วนหลังรับประทานเนื้อสุนัขที่ติดเชื้อ (ไม่มีผู้ป่วย เพราะได้รับการฉีดวัคซีนทันเวลา)
5. การติดเชื้อจากมนุษย์สู่มนุษย์ (เช่น น้ำลาย หรือการปลูกถ่าย)
การแพร่เชื้อโดยตรงจากคนสู่คน ยังไม่เคยมีรายงานชัดเจนจากการถูกกัดหรือสัมผัสน้ำลาย แต่พบได้ในบางกรณีของการปลูกถ่ายอวัยวะ
✅ กรณีจากแม่สู่ลูก พบเพียง 1 ใน 16 รายที่เด็กติดเชื้อจากแม่โดยตรง
✅ สรุป: ไม่ใช่แค่ “ถูกกัด” เท่านั้นที่เสี่ยง!
แม้ว่ากว่า 99% ของผู้ติดเชื้อทั่วโลกจะเกิดจากการถูกสัตว์กัด/ข่วนโดยตรง แต่ช่องทางอื่น เช่น น้ำลายสัมผัสบาดแผล, การสูดละออง, การปลูกถ่าย, การบริโภคเนื้อดิบ และบางกรณีจากมนุษย์สู่มนุษย์ ก็เป็นไปได้ แม้จะเกิดขึ้นยาก ทุกกรณีที่มีความเสี่ยง ควรรีบล้างแผล และเข้ารับวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า (PEP) โดยเร็วที่สุด
.
📌ติดตามข้อมูลความรู้ด้านวัคซีนได้ที่
💙Facebook page สถาบันวัคซีนแห่งชาติ