คกก.วัคซีนชาติ เห็นชอบกรอบการสนับสนุนการวิจัยพัฒนาวัคซีนประจำปีงบประมาณ 2566 ตั้งเป้าหมายเพิ่มขีดความสามารถการพึ่งตนเองด้านวัคซีนได้อย่างยั่งยืน

Home   >   ข่าวสาร   >   ข่าวประชาสัมพันธ์   >   คกก.วัคซีนชาติ เห็นชอบกรอบการสนับสนุนการวิจัยพัฒนาวัคซีนประจำปีงบประมาณ 2566 ตั้งเป้าหมายเพิ่มขีดความสามารถการพึ่งตนเองด้านวัคซีนได้อย่างยั่งยืน

👁️ เข้าชม 1

คกก.วัคซีนชาติ เห็นชอบกรอบการสนับสนุนการวิจัยพัฒนาวัคซีนประจำปีงบประมาณ 2566 ตั้งเป้าหมายเพิ่มขีดความสามารถการพึ่งตนเองด้านวัคซีนได้อย่างยั่งยืน

วันที่ 3 มีนาคม 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี สถาบันวัคซีนแห่งชาติ จัดการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2565 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุม
นายอนุทิน กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญของกระทรวงสาธารณสุขในช่วงที่มีการระบาดของโอมิครอน คือ การจำกัดผู้ป่วยอาการรุนแรงให้อยู่ในวงจำกัด และผู้เสียชีวิตให้น้อยที่สุด ซึ่งเราได้รับความร่วมมือกับประชาชนเป็นอย่างมาก ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขมีแนวทางให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อแต่อยู่ในเกณฑ์ไม่แสดงอาการหรือกลุ่มสีเขียว ทำการรักษาตัวที่บ้าน (Home isolation) โดยรัฐจะได้จัดสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ให้กับทุกคน ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็มที่ 3 และเข็มที่ 4 เพื่อให้มีภูมิคุ้มกัน ลดการแพร่ระบาด ให้กับประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้ประเทศไทยเตรียมการบริจาควัคซีนให้กับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน และประเทศในแถบแอฟริกา จำนวน 5 ล้านโดส โดยคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้มีการบริจาคไปยังประเทศที่ยังเข้าไม่ถึงวัคซีน

ด้าน นพ. นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้กล่าวถึงความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนของประเทศไทยขณะนี้ว่า มีความก้าวหน้าตามลำดับ โดยอันดับต้น ๆ คือ วัคซีน NDV-HXP-S ขององค์การเภสัชกรรมที่เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย ผลการทดสอบในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 วัคซีนมีความปลอดภัย สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี และอยู่ระหว่างเตรียมการทดสอบในระยะที่ 3 และชนิด mRNA ของศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผลการทดสอบระยะที่ 2วัคซีนมีความปลอดภัย สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี และอยู่ระหว่างเตรียมการทดสอบในระยะที่ 3 ขณะที่วัคซีน Baiya SARS-CoV-2 Vax2 ของบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่คิดค้นการผลิตได้เองในไทย และอยู่ระหว่างการเตรียมการทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 2

นพ. นคร กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า สำหรับเรื่องเพื่อพิจารณา คือ เรื่องกรอบการสนับสนุนการวิจัยพัฒนาวัคซีนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งตนเองด้านวัคซีนได้อย่างยั่งยืน ซึ่งกรอบการสนับสนุน ฯ ดังกล่าวนี้ จะเป็นทิศทางการสนับสนุนการวิจัย พัฒนาวัคซีนได้ เพื่อให้ประเทศสามารถรับมือกับวิกฤตโรคอุบัติใหม่ในอนาคต ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ได้เห็นชอบในหลักการ

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้รายงานความก้าวหน้าการจัดหาและการให้บริการฉีด วัคซีนโควิด 19 สำหรับประชาชนไทย ในปี 2565 ว่า ขณะนี้ประเทศไทยได้มีการจัดหาวัคซีนโควิด 19 จำนวนทั้งสิ้น 90 ล้านโดส ทั้งนี้จากการติดตามผลการให้บริการวัคซีนโควิด 19 ในระบบฐานข้อมูล MOPH Immunization Center พบว่าผู้ได้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 – 23 กุมภาพันธ์ 2565 ทั้งหมด 122,473,371 โดส ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 53,282,587 ราย คิดเป็น ความครอบคลุมร้อยละ 76.6 ผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์(ได้รับวัคซีน 2 เข็ม) จำนวน 49,582,984 ราย คิดเป็นความครอบคลุมร้อยละ 71.3 และผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 ขึ้นไป (Booster dose) จำนวน 19,607,800 ราย คิดเป็นความครอบคลุมร้อยละ 28.2 สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มเป้าหมายทั้งหมด จำนวน 12,704,543 ราย ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 ขึ้นไป (Booster dose) จำนวน 3,702,222 ราย คิดเป็นความครอบคลุมร้อยละ 29.1 (ข้อมูล ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565) ยังถือว่าอยู่ในอัตราที่ไม่สูงมาก จึงอยากรณรงค์ให้ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคร่วมเร่งรับวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็ว ซึ่งวัคซีนเข็มที่ 3 จะลดอัตราการเสียชีวิต ได้ถึง 8 เท่า จาก วัคซีนเข็มที่ 2

ท้ายนี้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ขอเชิญชวน ขอเชิญบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข คณาจารย์ นิสิต นักศึกษา และประชาชนที่สนใจ สมัครเข้าร่วมการประชุมวิชาการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 10 ประจำปี 2565 “ในรูปแบบออนไลน์” ระหว่างวันที่ 16-18 มีนาคม 2565 รายละเอียดคลิก https://www.vaccineconference.in.th/ (ไม่มีค่าใช้จ่าย)

ที่มา: สถาบันวัคซีนแห่งชาติ
วันที่: 4-03-65
ขอบคุณภาพ: สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข