Home > ข่าวสาร > ข่าวประชาสัมพันธ์ > ยอดฉีดวัคซีน HPV สำเร็จ 1 ล้านโดส ก่อน 100 วัน “ชลน่าน” รุกสร้างภูมิคุ้มกันให้หญิงไทย 11-20 ปี ที่เหลืออีก 1.6 ล้านคนต่อ พร้อมมอบโล่ขอบคุณภาคีเครือข่าย
👁️ เข้าชม 0
Quick Win ฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกในหญิงไทยของกระทรวงสาธารณสุข สำเร็จเกินเป้าหมาย 1 ล้านโดส ก่อนกำหนด 100 วัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอบคุณทุกหน่วยงานร่วมขับเคลื่อน พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ 32 จังหวัด ที่มีผลงานยอดเยี่ยม เตรียมรุกฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมายหญิงไทย 11-20 ปี ที่เหลืออีก 1.6 ล้านคน และจัดหาวัคซีนเข็มสองกระตุ้นในปีหน้า
วันนี้ (13 ธันวาคม 2566) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดกิจกรรมเชิดชูเกียรติและขอบคุณภาคีเครือข่าย “1-M doses HPV Vaccine: Together We Succeed” โดยมี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พญ.นวลสกุล บำรุงพงษ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วม
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2567 กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้ “มะเร็งครบวงจร” เป็น 1 ในนโยบายการดำเนินงาน โดยเน้นมะเร็งสำคัญ 5 ชนิด ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก พร้อมวางเป้าหมายการดำเนินงานเร่งด่วน หรือ Quick Win 100 วัน คือ การฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกในหญิงไทยอายุ 11-20 ปี ทั้งในและนอกระบบการศึกษา จำนวน 1 ล้านโดส เนื่องจากเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2 ของหญิงไทยที่อายุต่ำกว่า 45 ปี และเป็นมะเร็งที่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน โดยขณะนี้สามารถฉีดวัคซีนได้เกินเป้าหมายแล้ว เป็นความสำเร็จก่อนครบกำหนด 100 วัน ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานอย่างหนักของบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขและภาคีเครือข่าย
“ความสำเร็จครั้งนี้คงจะเกิดขึ้นมิได้ หากขาดการสนับสนุนทั้งจากกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สภากาชาดไทย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ถือเป็นหนึ่งก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบายมะเร็งครบวงจร ที่จะป้องกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิตในอนาคตได้” นพ.ชลน่านกล่าว
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า กลุ่มเป้าหมายหญิงอายุ 11 – 20 ปี ในประเทศไทยมี 3.8 ล้านคน ได้รับวัคซีนในปีนี้รวมกับที่เคยได้วัคซีนมาแล้วก่อนหน้าทั้งหมด 2.2 ล้านคน ยังเหลือกลุ่มเป้าหมายอีก 1.6 ล้านคน ที่จะทยอยเข้ารับวัคซีนต่อไป กระทรวงสาธารณสุขจึงยังคงเดินหน้าฉีดวัคซีน HPV ให้มากที่สุดในเวลาที่ยังเหลืออยู่ รวมถึงจัดหาวัคซีนเพิ่มเป็นเข็มที่ 2 ในปีหน้า เพราะยิ่งฉีดได้มาก โอกาสการเกิดมะเร็งปากมดลูกของผู้หญิงในอนาคตก็จะยิ่งลดลง ดังนั้น ขอเชิญชวนให้ผู้หญิงอายุระหว่าง 11 – 20 ปี ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน HPV ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือวัยทำงาน มารับการฉีดวัคซีนได้ฟรีที่หน่วยบริการใกล้บ้านทั่วประเทศ นอกจากนี้ จะมีการรณรงค์ให้ผู้หญิงอายุ 30-60 ปี เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกควบคู่กันไปด้วย เพื่อเป้าหมายสตรีไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดภัยจากมะเร็งปากมดลูก ตามสโลแกน “สวย เริด เชิด สู้มะเร็ง” หรือ “Women Power No Cancer”
ด้าน นพ.โอภาสกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้ประกาศความร่วมมือขับเคลื่อนนโยบายมะเร็งครบวงจร ด้วยการฉีดวัคซีน HPV 1 ล้านเข็ม ใน 100 วัน ในกลุ่มหญิงอายุ 11 – 20 ปี ภายใต้แนวคิด “รู้เท่าทัน ป้องกันได้ ตรวจพบรักษาไว ปลอดภัยจากมะเร็ง” และจัดกิจกรรม Kick Off ฉีดวัคซีน HPV ให้แก่นักเรียนหญิงอายุ 11 – 18 ปี ที่โรงเรียนไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 เป็นจุดเริ่มต้นบริการในระบบสถานศึกษา ภายใต้สโลแกน “Save Our Children by 1 Million HPV Vaccines” ก่อนจะขยายบริการในกลุ่มนักศึกษาและกลุ่มเป้าหมายนอกระบบการศึกษา ในเดือนธันวาคม 2566 และบรรลุเป้าหมาย 1 ล้านโดส เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา คือ 1,036,891 โดส จึงได้จัดกิจกรรมมอบโล่ขอบคุณภาคีเครือข่ายที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินงาน และโล่ประกาศเกียรติคุณจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม 32 จังหวัด เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ร่วมแรงร่วมใจทำงานจนประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
โดย 32 จังหวัดที่ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณผลการดำเนินงานฉีดวัคซีน HPV ยอดเยี่ยม ได้แก่ มุกดาหาร สงขลา กรุงเทพมหานคร หนองคาย สตูล อุดรธานี ตาก นครพนม สุโขทัย นครนายก ปัตตานี สุรินทร์ แม่ฮ่องสอน สกลนคร ตราด น่าน หนองบัวลำภู ระนอง เพชรบูรณ์ สมุทรสงคราม ศรีสะเกษ ชลบุรี พังงา บุรีรัมย์ ยะลา อุทัยธานี อุตรดิตถ์ พัทลุง บึงกาฬ ลำปาง นครราชสีมา และนราธิวาส
ที่มา: สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
วันที่ 13 ธันวาคม 2566